{เรื่องย่อ ж ลิตเติ้ลทรี}
ลิตเติ้ลทรีเป็นเด็กชายชาวอินเดียนแดงชนเผ่าเชโรกีในสหรัฐอเมริกา เขาต้องอาศัยอยู่กับปู่และย่าตั้งแต่ยังเด็กมากเมื่อแม่ตายตามหลังพ่อไป ปู่นั้นเป็นลูกครึ่งเชโรกี ส่วนย่ามีสายเลือดเชโรกีเต็มตัว กระท่อมไม้ซุงของปู่อยู่ใต้ทิวไม้ใหญ่ ข้างหน้าเป็นภูเขา ถัดไปข้างหลังเป็นลำธาร กระท่อมนี้อยู่ท่ามกลางหุบเขา หลายครั้งหลายหนที่ปู่กับลิตเติ้ลทรีจะขึ้นเขาสูงไปยังที่ลับของปู่ เพื่อฟังเสียงแห่งธรรมชาติ ในขณะที่แสงแรงของดวงอาทิตย์สัมผัสยอดเขา ขับไล่เงามืดแห่งรัตติกาลให้พ้นไป ลิตเติ้ลทรีได้เรียนรู้การดำเนินชีวิตแบบเชโรกีจากปู่และย่า ปู่และย่าสอนให้ลิตเติ้ลทรีรู้จักเคารพรักมอนโอลาห์ แม่พระธรณี รู้จักการเลี้ยงสุนัขล่าเนื้อไว้แกะรอยสุนัขจิ้งจอก รู้จักการทำไร่ข้าวโพด ปู่และย่าเล่าว่าแต่ก่อนนั้น เชโรกีใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขาที่แสนอุดมสมบูรณ์ในรัฐโอกลาโฮมา หรือที่ชาวเชโรกีเรียกว่าประเทศของเรา วันหนึ่งทหารของรัฐบาลบอกให้พวกเขาลงนามในกระดาษแผ่นหนึ่ง โดยบอกว่ากระดาษนี้จะทำให้คนขาวที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานจะได้ไม่เอาที่ดินของเชโรกีไป แต่เมื่อเชโรกีลงนามแล้ว ทหารก็กลับมาพร้อมกับปืน บอกว่าถ้อยคำในกระดาษได้เปลื่ยนไป ถ้อยคำนั้นกล่าวว่าเชโรกีจะต้องออกไปจากหุบเขาของตน มุ่งหน้าไปยังที่ดินใหม่ที่คนขาวไม่ต้องการ แต่เชโรกีกลุ่มหนึ่งได้หลบหนีไปอยู่ตามสันเขา เคลื่อนย้ายที่อยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ฝ่ายรัฐบาลติดตามได้ ต่อสู้กับทหารรัฐบาลเมื่อคราวจำเป็น ด้วยเหตุนี้ชนเผ่าเชโรกีจึงมีอคติกับรัฐบาลในเกือบทุกเรื่อง
ปู่ปลูกไร่ข้าวโพดไว้เพื่อต้มเหล้า การต้มเหล้าเป็นธุรกิจเดียวที่ปู่ชำนาญ ลิตเติ้ลทรีต้องช่วยปู่ต้มเหล้าเป็นประจำทุกเดือน เมื่อได้เหล้าบริสุทธิ์มาแล้วก็ต้องนำไปขายที่ร้านค้าในเมือง ซึ่งการต้มเหล้านี้จะต้องทำในช่องแคบที่มีพุ่มไม้หนาทึบขนาดนกยังหาไม่พบ มิเช่นนั้นถ้าคนบนพื้นราบมาเห็นเข้าอาจทำลายหม้อกลั้นเหล้าของคนอินเดียน ลิตเติ้ลทรีเคยผ่านเหตุการณ์ที่ต้องหนีคนพื้นราบที่มาพบลิตเติ้ลทรีพร้อมกับโถเหล้าที่เพิ่งต้มเสร็จ เคราะห์ดีที่ฝูงสุนัขล่าเนื้อที่ปู่กับย่าเลี้ยงไว้เข้ามาช่วยทัน แต่ก็ต้องสูญเสียสุนัขล่าเนื้อไป 1 ตัวกับเหตุการณ์นั้น
ครั้งหนึ่ง ระหว่างที่ลิตเติ้ลทรีกำลังจับปลาอยู่ริมตลิ่ง งูหางกระดิ่งที่กำลังโกรธเกรี้ยวก็พยายามทำร้ายลิตเติ้ลทรี ปู่เข้ามาขวางไว้ งูหางกระดิ่งจึงฉกมือปู่แทน ย่าใช้รากไม้ เมล็ดพืช และนกคุ่มช่วยชีวิตปู่ไว้ได้ ทำให้ลิตเติ้ลทรีคิดได้ว่า นอกจากย่าแล้วปู่รักเขามากที่สุดในโลก
ปู่ ย่า และลิตเติ้ลทรีไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ ที่จริงแล้วพวกเขาไม่จำเป็นต้องไปเพราะพวกเขาไม่มีศาสนา แต่ที่ไปโบสถ์เป็นประจำนั้นก็เพื่อไปพบวิลโลว์จอห์น เขาเคยให้มีดยาวพร้อมปลอกมีดหนังกวางให้ลิตเติ้ลทรีด้วย วิลโลว์จอห์นมีบุณคุณกับลิตเติ้ลทรีมาก เมื่อลิตเติ้ลทรีต้องไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพราะมีผู้ยื่นฟ้องกับเจ้าหน้าที่ว่าปู่และย่าไม่มีสิทธิ์ที่จะเลี้ยงดูลิตเติ้ลทรี วิลโลว์จอห์นกดดันคนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นจนยอมปล่อยตัวลิตเติ้ลทรีกลับไปอยู่บ้านบนภูเขาตามเดิม แต่อีก 1 ปีต่อมาวิลโลว์จอห์นก็จากไป ส่วนปู่และย่าใช้ชีวิตอยู่กับลิตเติ้ลทรีได้อีก 2 ปีเท่านั้น แล้วพวกเขาก็ตายตามวิลโลว์จอห์นไปอีก
ลิตเติ้ลทรีตกลงใจที่จะมุ่งหน้าข้ามเขาไปยังรัฐโอกลาโฮมา ไปยังประเทศของเราพร้อมกับลิตเติ้ลเรดและบลูบอย สองสุนัขล่าเนื้อที่เหลืออยู่ ระหว่างทางลิตเติ้ลเรดตกลงไปในธารน้ำแข็งและตาย ส่วนบลูบอยก็ตายตามไปหลังจากที่มันกับลิตเติ้ลทรีเดินทางไปยังประเทศของเราจนสำเร็จได้ไม่นาน ทำให้ลิตเติ้ลทรีต้องดำเนินชิวิตต่อไป...ตามลำพัง
ลิตเติ้ลทรีเป็นเด็กชายชาวอินเดียนแดงชนเผ่าเชโรกีในสหรัฐอเมริกา เขาต้องอาศัยอยู่กับปู่และย่าตั้งแต่ยังเด็กมากเมื่อแม่ตายตามหลังพ่อไป ปู่นั้นเป็นลูกครึ่งเชโรกี ส่วนย่ามีสายเลือดเชโรกีเต็มตัว กระท่อมไม้ซุงของปู่อยู่ใต้ทิวไม้ใหญ่ ข้างหน้าเป็นภูเขา ถัดไปข้างหลังเป็นลำธาร กระท่อมนี้อยู่ท่ามกลางหุบเขา หลายครั้งหลายหนที่ปู่กับลิตเติ้ลทรีจะขึ้นเขาสูงไปยังที่ลับของปู่ เพื่อฟังเสียงแห่งธรรมชาติ ในขณะที่แสงแรงของดวงอาทิตย์สัมผัสยอดเขา ขับไล่เงามืดแห่งรัตติกาลให้พ้นไป ลิตเติ้ลทรีได้เรียนรู้การดำเนินชีวิตแบบเชโรกีจากปู่และย่า ปู่และย่าสอนให้ลิตเติ้ลทรีรู้จักเคารพรักมอนโอลาห์ แม่พระธรณี รู้จักการเลี้ยงสุนัขล่าเนื้อไว้แกะรอยสุนัขจิ้งจอก รู้จักการทำไร่ข้าวโพด ปู่และย่าเล่าว่าแต่ก่อนนั้น เชโรกีใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขาที่แสนอุดมสมบูรณ์ในรัฐโอกลาโฮมา หรือที่ชาวเชโรกีเรียกว่าประเทศของเรา วันหนึ่งทหารของรัฐบาลบอกให้พวกเขาลงนามในกระดาษแผ่นหนึ่ง โดยบอกว่ากระดาษนี้จะทำให้คนขาวที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานจะได้ไม่เอาที่ดินของเชโรกีไป แต่เมื่อเชโรกีลงนามแล้ว ทหารก็กลับมาพร้อมกับปืน บอกว่าถ้อยคำในกระดาษได้เปลื่ยนไป ถ้อยคำนั้นกล่าวว่าเชโรกีจะต้องออกไปจากหุบเขาของตน มุ่งหน้าไปยังที่ดินใหม่ที่คนขาวไม่ต้องการ แต่เชโรกีกลุ่มหนึ่งได้หลบหนีไปอยู่ตามสันเขา เคลื่อนย้ายที่อยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ฝ่ายรัฐบาลติดตามได้ ต่อสู้กับทหารรัฐบาลเมื่อคราวจำเป็น ด้วยเหตุนี้ชนเผ่าเชโรกีจึงมีอคติกับรัฐบาลในเกือบทุกเรื่อง
ปู่ปลูกไร่ข้าวโพดไว้เพื่อต้มเหล้า การต้มเหล้าเป็นธุรกิจเดียวที่ปู่ชำนาญ ลิตเติ้ลทรีต้องช่วยปู่ต้มเหล้าเป็นประจำทุกเดือน เมื่อได้เหล้าบริสุทธิ์มาแล้วก็ต้องนำไปขายที่ร้านค้าในเมือง ซึ่งการต้มเหล้านี้จะต้องทำในช่องแคบที่มีพุ่มไม้หนาทึบขนาดนกยังหาไม่พบ มิเช่นนั้นถ้าคนบนพื้นราบมาเห็นเข้าอาจทำลายหม้อกลั้นเหล้าของคนอินเดียน ลิตเติ้ลทรีเคยผ่านเหตุการณ์ที่ต้องหนีคนพื้นราบที่มาพบลิตเติ้ลทรีพร้อมกับโถเหล้าที่เพิ่งต้มเสร็จ เคราะห์ดีที่ฝูงสุนัขล่าเนื้อที่ปู่กับย่าเลี้ยงไว้เข้ามาช่วยทัน แต่ก็ต้องสูญเสียสุนัขล่าเนื้อไป 1 ตัวกับเหตุการณ์นั้น
ครั้งหนึ่ง ระหว่างที่ลิตเติ้ลทรีกำลังจับปลาอยู่ริมตลิ่ง งูหางกระดิ่งที่กำลังโกรธเกรี้ยวก็พยายามทำร้ายลิตเติ้ลทรี ปู่เข้ามาขวางไว้ งูหางกระดิ่งจึงฉกมือปู่แทน ย่าใช้รากไม้ เมล็ดพืช และนกคุ่มช่วยชีวิตปู่ไว้ได้ ทำให้ลิตเติ้ลทรีคิดได้ว่า นอกจากย่าแล้วปู่รักเขามากที่สุดในโลก
ปู่ ย่า และลิตเติ้ลทรีไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ ที่จริงแล้วพวกเขาไม่จำเป็นต้องไปเพราะพวกเขาไม่มีศาสนา แต่ที่ไปโบสถ์เป็นประจำนั้นก็เพื่อไปพบวิลโลว์จอห์น เขาเคยให้มีดยาวพร้อมปลอกมีดหนังกวางให้ลิตเติ้ลทรีด้วย วิลโลว์จอห์นมีบุณคุณกับลิตเติ้ลทรีมาก เมื่อลิตเติ้ลทรีต้องไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพราะมีผู้ยื่นฟ้องกับเจ้าหน้าที่ว่าปู่และย่าไม่มีสิทธิ์ที่จะเลี้ยงดูลิตเติ้ลทรี วิลโลว์จอห์นกดดันคนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นจนยอมปล่อยตัวลิตเติ้ลทรีกลับไปอยู่บ้านบนภูเขาตามเดิม แต่อีก 1 ปีต่อมาวิลโลว์จอห์นก็จากไป ส่วนปู่และย่าใช้ชีวิตอยู่กับลิตเติ้ลทรีได้อีก 2 ปีเท่านั้น แล้วพวกเขาก็ตายตามวิลโลว์จอห์นไปอีก
ลิตเติ้ลทรีตกลงใจที่จะมุ่งหน้าข้ามเขาไปยังรัฐโอกลาโฮมา ไปยังประเทศของเราพร้อมกับลิตเติ้ลเรดและบลูบอย สองสุนัขล่าเนื้อที่เหลืออยู่ ระหว่างทางลิตเติ้ลเรดตกลงไปในธารน้ำแข็งและตาย ส่วนบลูบอยก็ตายตามไปหลังจากที่มันกับลิตเติ้ลทรีเดินทางไปยังประเทศของเราจนสำเร็จได้ไม่นาน ทำให้ลิตเติ้ลทรีต้องดำเนินชิวิตต่อไป...ตามลำพัง
Credit : pakeyrah