Yo!

Yo!

Friday, July 4, 2008

ดนตรีประเภทขับร้อง (Vocal Music) #6 ~ Oratorio

ออราทอริโอ (Oratorio)

คือ บทเพลงที่ประกอบไปด้วยการร้องเดี่ยวของนักร้องระดับเสียงต่าง ๆ การร้องของวงประสานเสียง และการบรรเลงของวงออร์เคสตรา ซึ่งบทร้องเป็นเรื่องราวขนาดยาวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ แสดงในโรงแสดงคอนเสิร์ตหรือในโบสถ์ โดยไม่มีการแต่งตัวแบบละคร ไม่มีการแสดงประกอบ และไม่มีฉากใด ๆ ในขณะแสดง ลักษณะของออราทอริโอ (Oratorio)คล้ายกับโอเปราที่ไม่มีฉากและการแสดงประกอบ ลักษณะเด่นที่ต่างไปจากเพลงโบสถ์อื่น ๆ ได้แก่ การประพันธ์บทร้องที่คำนึงถึงดนตรีประกอบมิได้มุ่งถึงบทร้องที่นำมาจากบทประพันธ์ของวัดแต่ดั้งเดิมดังเช่นเพลงโบสถ์ลักษณะอื่น ๆ นอกจากนี้ออราทอริโอยังเป็นเพลงที่มีความยาวมากซึ่งต่างไป

จากแคนตาตาอันเป็นบทเพลงที่สั้นกว่า ออราทอริโอบางบทถ้าแสดงโดยสมบูรณ์อาจจะยาวถึง 4-6 ชั่วโมง ต่อมามีการตัดเพลงบางท่อนออกไปเพื่อลดเวลาการแสดงให้เหมาะสมกับโอกาส

ออราทอริโอมีกำเนิดขึ้นโดยผู้ประพันธ์เพลงนาม Carisimi(1605-1674) แต่นั้นมา นักประพันธ์เพลงผู้มีชื่อเสียงในแต่ละสมัยล้วนประพันธ์เพลงประเภทนี้ไว้เสมอ ที่มีชื่อเสียงได้แก่ Christmas Oratorio ของบาค Isarael in Egypt และ Messiah ของ Handel,The Creation และThe Seasons ของไฮเดิล (The Seasons มีบทร้องเกี่ยวกับฤดูต่าง ๆ มิได้เกี่ยวข้องกับศาสนาโดยตรงแต่ประการใด) Mount of Olives ของเบโธเฟน St. Paul Elijah ของเมนเดลซอน และ The Legend of St. Elizabeth ของลิสซต์ เป็นต้น (ณรุทธ์ สุทธจิตต์, 2535: 125)

ในด้านผู้ชมจำเป็นที่ต้องทราบว่าเมื่อนักร้องประสานเสียงร้องถึงบทที่44เมื่อถึงคำว่า“Hallelujah”
ทุกคนในโบสถ์หรือหอประชุมจะลุกขึ้นยืน การลุกขึ้นยืนในตอนที่ร้องถึง“Hallelujah” ก็สืบเนื่องมาจากในครั้งที่ Handel ยังมีอยู่ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1743 ในการเสนอ “The Messiah” ต่อผู้ชมครั้งแรกในกรุงลอนดอน พระเจ้ายอร์จที่ 2 (King George II) ทรงพอพระทัยมาถึงกับประทับยืน เมื่อคณะนักร้องประสานเสียงร้องถึง “Hallelujah” ทุกคนในที่นั้นจึงต้องลุกขึ้นยืนตาม จนกระทั่งการร้องบทนั้นจบ จึงถือเป็นประเพณีสืบเนื่องมาจนปัจจุบันนี้